Wannabe folk music festival : โฟล์คข้างวัด #2
ต้องบอกว่าช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมได้พบเจอกับผู้คนที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ก็ได้พบกับ คุณเป็ค ผู้จัดงาน Lablae fest ซึ่งมันน่าสนใจที่ว่า ลับแลเฟส คืองานดนตรีหนึ่งเดียวใน จังหวัดอุตรดิตถ์ แต่วันนั้นเราเมากันเสียก่อนที่จะได้พูดคุยลงลึกในดีเทล วันนี้ผมแก้ตัวใหม่ด้วยการชวนบุคคลผู้ทำหลายสิ่งที่น่าสนใจมาก และเป็นหนึ่งในสีสันของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มจากการทำโฮสเทล สู่ Junk House Music Bar หนึ่งในไลฟ์เฮาส์สำหรับคอดนตรีนอกกระแสในจังหวัด อีกทั้งยังทำค่ายเพลงที่ชื่อว่า Stockhome Records ซึ่งนี่น่าจะเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เกิดงานดนตรีที่เราจะมาพูดคุยกันในวันนี้ "โฟล์คข้างวัด"

จุดเริ่มต้นของโฟล์คข้างวัด
ปูน : มันมาจากว่า ร้าน Junk House เราจะจัดอีเว้นท์ปกติอยู่แล้วทุกเดือน ก็คือส่วนใหญ่เป็นวงนอกกระแสทุกแนวไม่จำกัดแนว แต่ว่าด้วยทุนเดิมเราเป็นคนชอบโฟล์คอยู่แล้ว แล้วน้องที่อยู่ที่นี่ก็จะเป็นวง Abandoned House, Windy, The Louis ที่เล่นที่ร้าน ก็จะเป็นวงโฟล์คซะส่วนใหญ่ กลายเป็นว่าพวกเราอินโฟล์คกันแต่เราแทบไม่เคยจัดงานโฟล์คในร้านเลย เพราะว่าร้านเรามันไม่เหมาะกับโฟล์ค มันเหมือนเป็นคล้ายๆไลฟ์เฮ้าส์ พอคอนเสิร์ตเรายืนกันหมดมันไม่มี พื้นที่ให้นั่งชิล พอจัดโฟล์คถ้ายืนตลอดมันก็จะไม่เหมาะ ตอนนั้นก็เลยคิดว่าเออแม่งถึงเวลาแล้วว่ะ แต่อยากจัดเล็กๆตอนแรกกะไว้แบบ 200 คนด้วยซ้ำ ก็ไปหาที่ในอยุธยาตรงนั้นเป็นบ้านรุ่นพี่แล้วก็ริมน้ำ ดูจากสเกลแล้วก็เออคงได้สัก 500 ก็เลยเริ่มจัดโฟล์ค เพราะว่าจริงๆอยากจัดในร้านแต่ว่ามันแค่ไม่เหมาะ เราก็เลยรู้สึกว่าควรมีงานสักงานนึงที่น้องๆเราทั้งนั้นเลยที่เล่นด้วย แล้วถ้าเราเอาวงอื่นๆมาอีกมันก็น่าสนใจอะไรอย่างนี้ ก็เลยออกไปหาที่ข้างนอกจัดกันเริ่มครั้งแรกมันเป็นอย่างนี้ครับ
คอนเซ็ปต์ครั้งแรกกับครั้งนี้เปลี่ยนไปเยอะมั้ย?
ปูน : เปลี่ยนไปครับ เพราะว่าเราไม่ได้ตั้งใจจะจัดให้มีครั้งที่สองหรืออะไรก็แล้วแต่ คือเริ่มแรกเราคิดแค่ว่าเออเราอยากจะมีงานที่น่าสนใจสักงานนึงเกี่ยวกับดนตรีที่เราชอบจริงๆ แล้วเราคิดคอนเซ็ปต์ขึ้นมาด้วยอยุธยาเป็นวัดเป็นไรงี้ จริงๆมันไม่มีวัดจริงหรอก แต่อยุธยาจัดตรงไหนอ่ะมันก็ข้างวัดหมดอ่ะ เพราะว่าโบราณสถานไรงี้มันเต็มไปหมด คือคิดคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาเพราะว่ามันดึงดูดแล้วก็น่าสนใจ ส่วนเรื่องคอนเซ็ปต์ในงานแรกอันนั้นไม่มีคอนเซ็ปต์อะไรเลย เราคิดว่าตอนนั้นโฟล์ควงไหนที่น่าสนใจแล้วเราอยากดูเราก็ชวนมาหมดเลย พอมันเกิดครั้งนั้นขึ้น Feedback มันก็ดี เราก็เลยคิดว่าเออเราจัดเป็นบิ๊กสเกลกว่านี้ได้นะ พอเราคิดว่าเราจะจัดทุกปีแล้วเนี่ย ผมก็เลยมานั่งมองว่า คืองานโฟล์คตอนนี้มันเยอะมาก ผมมองหาจุดที่ว่าเราจะต่างจากคนอื่นยังไงแล้วก็อีกอย่างคนที่เป็นโฟล์คจริงๆมันก็เยอะอยู่ แต่แฟชั่นมันก็เยอะ ซึ่งเรามองว่าถ้ามันเป็นแฟชั่นอ่ะ มันค่อนข้างฉาบฉวยเดี๋ยววันนึงมันก็ไป เราเลยคิดว่าแบบถ้ามันเป็นแฟชั่นเราอยากจะเซ็ทมาตรฐานใหม่ ไม่ได้หมายความว่ามาตรฐานของโฟล์คใหม่ เราแค่อยากจะลองให้คนอื่นเปิดใจดู ว่าแบบ เห้ย ถ้าโฟล์คมันไม่ใช้แบบที่พวกมึงคิดกันอย่างเดียว ซึ่งน้องๆพวกนี้อย่าง เขียนไข และวานิช, คณะขวัญใจ ทุกคนเราสนิทกัน แล้วแบบเรารักใคร่กันแต่ว่าเราก็บอกตรงๆว่าเราเบื่อที่ไลน์อัพทุกงานจะต้องมี 6-7 ที่เป็นคีย์แมน แล้วเสริมๆมาก็ยังเป็นแบบเหมือนๆเดิมอีก ซึ่งจัดกันแบบนี้ตลอด แต่วงพวกนี้เราก็ยังจะเอามาอยู่แหละ แต่เราอยากจะเสริมความน่าสนใจเข้าไป เราก็เลยเล่นกับคำว่า Wanna be Folk Music Festival เหมือนแบบว่ากูไม่ใช่โฟล์คจริงอะ กู wanna be อ่ะ ก็เลยกลายเป็นคอนเซ็ปต์ ก็คือว่าต่อไปนี้มันก็อาจจะเป็นแบบการที่เอาวงอะไรมาก็ได้ที่น่าสนใจ เช่น Solitude Is Bliss, H3F ที่ไม่ได้มีความโฟล์คเลยแต่ว่าให้เค้ามาเล่นในรูปแบบ acoustic ซึ่งมันก็ไม่ใช่นิยามของโฟล์คจริงๆหรอก แต่เราเล่นกับคำคอนเซ็ปต์ของงานว่า Wanna be Folk Music Festival มันไม่ใช่โฟล์คจริงๆแต่ถ้าเราเอาตามความเข้าใจของคนทั่วไปเลย ซึ่งคนทั่วไปไม่ได้ศึกษาหรอกว่า เห้ยโฟล์คมันคือดนตรีพื้นบ้านหรือยังไง ซึ่งการตีความมันได้หลากหลายแต่เราแค่คิดว่าแบบเห้ย คนไปร้านเหล้า ร้านนี้มี acoustic ว่ะ ร้านนี้มีโฟล์คเว้ย เราแค่คิดว่ามันแค่คำพูดไม่มีอะไรผิดอะไรถูก มันเป็นความรู้สึกบรรยากาศอย่างที่โจบอกเมื่อกี๊ เข้าไปมันก็จะเป็นฟีลเหมือนเดิมแต่แค่ Solitude Is Bliss มาเล่นในแบบ acoustic เราก็จะนั่งกินเบียร์ดูกันแบบชิลๆเหมือนเดิม มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น อย่างที่บอก เราอยากแตกต่างจากเฟสติวัลทั่วๆไปด้วย เหมือนแบบว่าเราก็เพิ่มความน่าสนใจในแบบของเราเข้าไป ถ้าเรามาจัดแบบนี้ทุกปี ถ้าเราจะเอาแต่คำว่าโฟล์ค แล้วเอาแต่วงโฟล์ค แม่งจะไลน์อัพเดิมทุกปี เราเข้าใจนะว่าคนอื่นอาจจะไม่เบื่อ แต่ตัวเราเองขี้เบื่อ คือเหมือนเราก็อยากดูวงนี้เล่นแบบนี้ เรามีความสนใจแบบนั้น ถ้าแบบนี้มันดิ้นได้ตลอด เราสามารถเอาใครมาก็ได้มาเล่นในรูปแบบ acoustic ซึ่งเราว่ามันก็เป็นอีกนิยามโฟล์แบบนึงของเรา
ปีนี้โฟล์คข้างวัดคาดหวังอะไรบ้าง?
ปูน : ถ้าตามที่คิดเราอยากให้มัน succeed ไปอีกระดับหนึ่ง ด้วยสเกลคนเท่านั้น เราอยากให้มันสามารถคงบรรยากาศที่มีในปีแรก ซึ่งตัวเราเองแฮปปี้กับบรรยากาศปีแรกมากเพราะคนมันไม่เยอะมาก แล้วมันกำลังอบอุ่น กำลังดีทุกอย่าง แต่ปีนี้เราก็กลัวเหมือนกัน ถ้าคนเยอะแม่งจะแบบวุ่นวายรึเปล่า แต่ด้วยพื้นที่ที่มันกว้างอยู่แล้วเราไม่ค่อยห่วง เหมือนมันเป็นเลเวล พอถ้าเลเวลนี้เราแตะถึงแล้วบรรยากาศดี Feedback ดีทุกอย่าง เราคอนโทรลทุกอย่างในงานให้เป็นไปตามเป้าได้ แล้วคนกลับไปพูดถึงว่า เห้ย มางานนี้แม่งแฮปปี้ว่ะ แตกต่างว่ะ เราอยากให้เป็นแค่นั้นเลย มันก็เป็นมาตรวัดเราอีกจุดหนึ่ง ให้รู้ว่าแบบเราจัดสเกลนี้ได้มั้ย แล้วเราจะขยับไปต่อได้มั้ย ซึ่งอยากแรกเราอยากให้งานมันจบสวยอ่ะ จริงๆงานปีแรกอ่ะคนต่างจังหวัดมา ใจจริงเราอยากให้คนต่างจังหวัดมาด้วยแต่ส่วนนึงเราอยากให้คนอยุธยา ตระหนักว่า เห้ย มันมีงานที่น่าสนใจอยู่นะเว้ย ซึ่งปีแรกมันกลายเป็นโมเดลที่แบบว่าคนอยุธยาอ่ะแห่ตามคนต่างจังหวัดมา พอบัตร sold out แล้วเนี่ย คนอยุธยาเห็นยอดแชร์เยอะนู่นนั่นนี่ เห้ย กูไปบ้างดีกว่า พอจะมาซื้อบัตรหน้างานเราก็บอกไม่มีๆ เพราะว่าเราไม่อยากปล่อยเกินจริงๆ มันก็เสียบรรยากาศอ่ะ เราก็บอกอะว่ามันไม่ได้แล้วครับ ก็กลายเป็นว่าคนอยุธยาตามมาที่หลังหมดเลย ซึ่งปีนี้เราก็หวังนิดนึงว่าคนอยุธยาจะเห็นจากปีที่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีเยอะที่เป็นคนอยุธยาที่จองกันมาเยอะแหละ ปีนี้จำกัดคนไว้ประมาณ 2,000 คน ไม่เอาเกินนี้ครับ มีศิลปินคร่าวๆประมาณ 24 วง 2 เวที ก็เป็นเวทีหลัก แล้วก็เวทีรอง เราจะคัดเลือกจากการให้ส่งเพลงเข้ามาในเพจ แล้วเราก็คัดเลือกมา 12 วง เพื่อที่จะมาเล่นเวทีหน้าใหม่ ส่วนศิลปินหลักๆก็จะมี จุลโหฬาร, Solitude Is Bliss, The Louis, ไววิทย์, t_047, Abandoned House, Zweed n' Roll, Windy, YENA, แล้วก็ H3F ซึ่งตอนนี้สามารถซื้อบัตรได้แล้ว ที่ทางเพจ โฟล์คข้างวัด นะครับ

*** Junk House Music Bar x Stockhome Records x LEO ***
present
งานดนตรีกึ่งโฟล์คกึ่งมั่ว "โฟล์คข้างวัด" ตอน Wannabe folk music festival
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2563
สถานที่ ลานวัดสมมุติในโลกสมมุติตรงข้ามแมคโครอยุธยานาม "โฟล์คข้างวัด"
https://goo.gl/maps/A3xAoHWRRfktJFRFA
ซื้อก่อนบัตรราคา 650 บาท
โปรซื้อบัตรคู่ 1,100 บาท
ซื้อหน้างาน 800 บาท
****งานนี้ไม่จำกัดอายุ****
ซื้อบัตรได้ทาง