top of page

FREE BIRD พื้นที่สำหรับนักดนตรีนอกกระแส

ในยุคสมัยที่เว็บไซต์ ถูกแทนที่ด้วย social media และทุกๆคนก็มีสื่ออยู่ในมือ แต่สารกลับไปไม่ถึงผู้คน พูดคุยถึงเรื่องราวความเป็นมากับการเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะสื่อ กับ โจ มานัส มีรัตน์ อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการ นิตยสาร ROKZ MAGAZINE ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ FREEBIRD MUSIC





จุดเริ่มต้นของ freebirdmusicth.com


คือเมื่อก่อนเนี่ย ผมทำงานเป็น หัวหน้ากองบรรณาธิการ ให้กับนิตยสาร ROKZ MAGAZINE มาก่อน เรียกว่าอยู่ในวงการสื่อมานานพอสมควรเลยล่ะ คร่าวๆก็มี 7 - 8 ปี บวกกับเมื่อปีที่แล้วก็ได้จัดงาน Music Camp ขึ้นมา ชื่อว่า Free Bird


ต้องบอกว่าการได้จัดงาน Free Bird เนี่ย มันเปิดโลกทัศน์ของผมเลยนะ คือถ้าเป็นเมื่อก่อนการจัดงานดนตรีมันจะยุ่งยากมากๆ คุณต้องมีเครื่องเสียงที่ดี มีวงดนตรีที่ดึงดูดคน มีสาธารณูปโภคที่ครบครัน แต่กับคนกลุ่มนี้ มันไม่จำเป็นเลย แค่งานของคุณสื่อสารออกไป และทำให้ผู้คนรู้สึกได้ ทุกอย่างก็จบ


เริ่มหลงเสน่ห์ของคนกลุ่มนี้


เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้นะ คือการได้จัดงานมันเปิดประตูให้ผมได้รู้จัก พี่ๆ น้องๆ นักดนตรี กลุ่มคนที่ชื่นชอบและติดตามงานแนวนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าอบอุ่นดีครับ มันสบายๆ เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน เหมือนพี่เหมือนน้องเล่นดนตรีให้ฟังกัน





จากผู้จัดงาน สู่ การทำสื่อ (อีกครั้ง)


ก็คือพักหลังๆเนี่ย ก็จะมี พี่ๆ น้องๆ นักดนตรี message มาที่ facebook ส่วนตัวของผมเยอะมาก ว่า "ฝากเพลงหน่อยพี่" "ลองฟังเพลงดูหน่อยครับ" ผมก็เริ่มรู้สึกกับคำที่คนเขาบอกว่า ยุคสมัยนี้เนี่ย ยุคที่สื่อ social media อยู่ในมือทุกคน แต่สารมันกลับไปไม่ถึงผู้คน มันเป็นเพราะอะไร หรือจริงๆแล้ว ทุกๆคนยังต้องการพื้นที่สื่ออยู่ดี เพราะการที่เอาแต่พูด เอาแต่เล่าถึงตัวเองมันก็คงไม่มีประโยชน์เท่ากับการที่ มีผู้คนพูดถึงเราเองบ้าง มันทำให้ผมคิดถึงเมื่อก่อน ตอนที่ทำคอลัมน์ ROKZ ROOKIE กับ ROKZ MAGAZINE มันคือคอลัมน์ที่ให้พื้นที่กับศิลปินหน้าใหม่ หนึ่งในนั้นคือวง Bomb at Track ซึ่งผมคงไม่ต้องเล่าแล้วนะว่าตอนนี้พวกเขาเจ๋งขนาดไหนแล้ว


แล้วผมเองก็มองย้อนกลับมาที่ดนตรีกลุ่มนี้ ว่าทำไมถึงไม่มีสื่อกลางจริงๆที่คอยนำเสนอพวกเขาแบบจริงจัง โอเคแหละว่า มีสื่อใหญ่ๆบางเจ้า ก็มีคอนเทนต์ที่หยิบจับพวกเขาขึ้นไปพูดถึงบ้าง แต่ก็จะเป็นกับวงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีฐานคนฟังเพลงอยู่แล้ว ถ้าเปรียบกลุ่มๆนี้คือประเทศ ก็จะมีเพียงเจ้าเมือง หัวเมืองที่ได้ไปออกสื่อปล่อยของให้คนนอกประเทศได้รู้จัก ทั้งที่ประชากรในประเทศก็มีอีกเยอะแยะมากมาย คือมันน่าเสียดายมาก ที่นักดนตรีดีๆ เพลงดีๆยังไปไม่ถึงคนฟัง มันเลยเป็นจุดนึงที่ทำให้ผมอยากกลับมาทำสื่ออีกครั้ง






คิดว่ามันจะแตกต่างจากพื้นที่สื่อ social media ไหม


แน่นอนครับ อธิบายคือผมมองว่า social media คือ shelf สำหรับวางสินค้า ส่วนเว็บไซต์ ก็คือ store ของเรานั่นเอง การนำสินค้าไปวางตาม shelf ต่างๆ ก็เพื่อเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึง แต่แกนหลักทั้งหมดจริงๆ มันจะอยู่ที่ตัวสินค้าไง คุณไม่สามารถจะดูทั้งหมดได้ที่บน shelf เพราะใน freebirdmusicth.com เราจะยกนิตยสารทั้งเล่มมาไว้ในนี้เลย คือจะมีทั้งข่าวสาร บทความ ประเด็นต่างๆของนักดนตรี ผู้จัดงาน ทั้งในรูปแบบภาพและเสียง คือมีทั้งคอลัมน์ให้กับคนที่ชอบอ่าน รวมไปถึง วีดีโอสัมภาษณ์ , Live Session เพลงใหม่ๆของศิลปินที่เราจะนำเสนอด้วย คร่าวๆก็ได้ปรึกษาศิลปินหลายๆท่าน อาทิเช่น พี่นที Selina & Sirinya , ปอนด์ Pancho , พี่โอ็ค Into Tha Air , ตูน Behind The Smile และ พี่ใหม่ สิบล้อ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำพร้อมคำเชียร์มากมาย เรียกว่าเป็น Power Sharing ให้ลุกขึ้นมาทำสิ่งนี้เลยครับ และหวังว่าพลังงานที่ผมได้รับมาจะส่งต่อถึงศิลปินทุกๆท่าน ให้มาทำสิ่งนี้ร่วมกัน


เป้าหมายของ freebirdmusicth.com


คาดหวังในระดับนึง ว่าเราจะเป็นหนึ่งในสื่อที่มีจิตวิญญาณสูงหนึ่งสื่อในวงการดนตรี เพราะเราเริ่มจากหัวใจของเราจริงๆ อย่างผมเองก็ออกจากงานประจำ เพื่อมาทำในสิ่งๆนี้เลยครับ เพื่อมาเป็นกระบอกเสียงเล็กๆให้กับวงดนตรีกลุ่มนี้ เพราะผมเชื่อเสมอว่า ต่อให้พวกเราจะน้อยยังไง เราก็มีเสียงเหมือนกัน และหน้าที่ของ Free Bird คือ นำเสียงเหล่านั้นไปให้ถึงผู้ฟัง






bottom of page