รอยสักที่มีเสียง : รอยสักวงดนตรีไทย กับเรื่องราวชีวิตที่ซ่อนอยู่บนร่างกาย

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้เห็นและได้พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่มีรอยสักอยู่บนร่างกาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเกิดความสนใจก็คือ รอยสักวงดนตรีไทย ใช่ครับ.... อย่างเมื่อก่อนเราจะเห็นคนสักรูปของศิลปินนักร้อง วงดนตรี ให้เห็นกันเกลื่อนตา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไอค่อนที่มาจากฝากฝั่งของดินแดนอื่นที่อยู่นอกประเทศ ยกตัวอย่าง เช่น John Lennon , Kurt Cobain , Jimi Hendrix หรือโลโก้วงพังค์ร็อคอย่าง Sex Pistols ก็มีให้เห็นก่อนบ่อยๆ ตัดภาพมาในปัจจุบัน การที่ผู้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจ สนับสนุนวงดนตรีในประเทศที่เขารักนั้น เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจแทนศิลปินผู้เป็นเจ้าของจริงๆครับ มันแสดงให้เห็นว่า วงการดนตรีในบ้านเรามันเติบโตขึ้นมากจริงๆ และการฟังเพลงไทย รักวงดนตรีในบ้านเกิดของตัวเองนั้น ไม่ใช่เรื่องเชยอีกต่อไป หากแต่มันเป็นการสนับสนุนศิลปินเหล่านั้นให้ทำผลงานเพลงที่ดีต่อไป
เมื่อไม่กี่วันมานี้ผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เจ้าของรอยสักวงดนตรีไทยมาบ้างบางส่วน ถึงเหตุผลของการสักรูปภาพเหล่านั้น จึงได้รวบรวมมาเล่าให้ได้ฟังกันครับ ว่าเรื่องราวชีวิตของแต่ละคนนั้น เดินทางและพบเจออะไรกันมาบ้าง ผ่านไดอารี่บนร่างกายของพวกเขาเอง จากรอยสักของวงดนตรีที่พวกเขารัก

โดยน้องที่เป็นเจ้าของรอยสักนี้ บอกกับเราว่า เธอชอบวงคณะขวัญใจมากๆ เรียกว่าอยู่ในระดับคลั่งไคล้เลยก็ว่าได้ ร้องได้ทุกเพลง ที่สักก็เพราะว่า ไม่เคยมีโอกาสได้สะสมสิ่งของ ของวงคณะขวัญใจเลย และคิดว่าของพวกนี้ มันหล่นหายได้ เก่าได้ เลยคิดว่าการสักนั้น จะทำให้มันอยู่ติดกับตัวเธอตลอด อีกอย่างคือ เวลาไปเจอ ชีวิน หรือคนในวง ก็จะเอารอยสักนี่แหละ ให้พวกพี่เขาดู จะได้รับรู้ถึงความชื่นชอบที่มีต่อตัววง
อย่างน้องคนนี้ จะสักหลายๆวงเลย เขาเล่าให้เราฟังว่า ลายแรกที่สักนั้น จะเป็นของวง จุลโหฬาร กับ คณะขวัญใจ โดยเลือกสักในวันเดียวกันเลย ซึ่งในวันที่สัก เป็นวันเกิดของเขาด้วย เพราะรักในตัวพี่ๆ ที่เขาเป็นกันเองมากๆ ชอบในแนวเพลงเเละคำที่พวกเขาเคยพูดกับน้องว่า "สำหรับกูไม่มีคำว่าแฟนคลับ มีแต่พี่น้องและเพื่อน แล้วกูก็ไม่เคยเรียกพวกมึงว่าเเฟนคลับ"
ถัดมาเป็นภาพ ภาพเดียวกัน จากคน 2 คน แสดงให้เห็นถึงหัวใจดวงเดียวกันที่พวกเขามีให้กับศิลปินที่พวกเขารัก โดยคนแรกนั้นเล่าว่า เพลงรอไม่มีกำหนดการ เป็นเพลงแรกที่ทำให้เขารู้จักกับวง คณะขวัญใจ และชื่นชอบมากๆ เลยสักเก็บเอาไว้ดู
ส่วนอีกคนนั้นเกิดจากการที่ชอบเพลงๆนี้ มากๆ จากการที่แฟนของเขาแนะนำให้ฟัง จนทำให้ฟังเพลงแนวนี้มาตลอด แม้ในวันนี้ถึงเขาจะไม่อยู่แล้ว แต่ความคิดถึงเรามันยังทำงานอยู่ ให้ภาพๆนี้เป็นตัวแทนคอยเตือนว่า เรายังรอเขาไม่ว่าเขาจะวนกลับมาในวงจรของเราหรือไม่ แต่เรายังคง รอไม่มีกำหนดการ

นกพิราบ วง เยนา ใช้เป็นสัญลักษณ์และตัวแทนของวง น้องที่สักภาพนี้เล่าว่า เขาเชื่อในความเท่าเทียม “เราทุกคนเท่ากัน” นี่คือประโยคที่ กุล นักร้องนำของวงชอบพูด โดยเขาตีความหมายผ่านเนื้อเพลงว่า สัตว์ทุกตัวก็มีค่าเท่ากัน นกพิราบ ก็ไม่ได้มีค่าน้อยไปกว่า เสือดำ หรือสัตว์อะไรที่ใกล้สูญพันธุ์ เลยสักเพื่อย้ำเตือนว่า เราควรปฎิบัติกับคนทุกคน สัตว์ทุกตัว ด้วยความเท่ากัน

ส่วนคนนี้เขาบอกกับพวกเราว่า เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจที่จะเล่นดนตรีเลย แต่พอมาช่วงหนึ่งมีคลิปนึงขึ้นมาหน้าฟีดคือคลิป Reaction คุณธนาธร กับเพลง โถขี้ มันเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับ เยนา เขาชอบเนื้อหาของเพลงมากๆ เลยไปตามฟังเพลงของวงทั้งหมด และเป็นเเรงบันดาลใจให้เล่นดนตรี พอมีโอกาศได้ไปดูพวกเขาเล่นสดครั้งแรกที่งานอีสานเขียว จึงเกิดความประทับใจสุดๆ และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาทำวงดนตรี และมองว่า เยนา คือจุดเริ่มต้นความคิดใหม่ๆ จึงอยากสักไว้ ว่าครั้งนึงที่หันกลับมาเล่นดนตรี มันเริ่มมาจากวง เยนา

นี่เป็นอีกคนที่ชื่นชอบ และสักภาพเกี่ยวกับวง เยนา เขาให้เหตุผลในการสักว่ามันเกิดจากการที่เขาเคยไปดูวงเล่นที่ม็อบ แต่จริงๆแล้วเขารู้จัก เยนา มาก่อนหน้านั้น ซึ่งในวันนั้นเขามีโอกาสเล่นเปิดให้กับวง เยนา เลยได้ไปรู้จักกับ พี่เย ยิ่งทำให้เขารัก เยนา มากขึ้น เลยตัดสินใจสัก ด้วยเนื้อหาเพลงที่สะท้อนสังคม ซึ่งแต่ละเพลงแทบจะไม่มีเพลงรักเลย มีแต่เพลงที่สะท้อนสังคมล้วนๆ แล้วที่ชอบมากๆ คือเพลงอิสลามให้กอดอก เพราะเราเป็นมนุษย์เหมือนกัน เราไม่ควรแบ่งแยกเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ

และนี่คืออีกหนึ่งรอยสักที่เกิดจากความชื่นชอบในวงดนตรีไทย กับวงดนตรีที่มีชื่อว่า Solitude Is Bliss เหตุผลที่สักเพราะเป็นวงโปรดในดวงใจเธอ ด้วยความหมายคือความสันโดษ คือความสุข เธอบอกว่านี่คือเป็นรอยสักที่ประทับใจที่สุดของเธอเลยด้วย

ส่วนเธอคนนี้เล่าว่ารอยสักของเธอ เป็นการแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ และหลงใหล ซึ่งถ้าจะให้พูดหรือแสดงออกอย่างอื่นก็อาจจะดูไม่จริงจัง แต่การสักลงไปในผิวหนังนั้น แสดงให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ผลงานของศิลปินมากๆ ชอบในสิ่งนั้นมากๆ คิดอยู่นานว่าจะสักดีไหม? ทิ้งระยะให้ความความคิดตกตะกอนนานพอสมควร สุดท้ายก็ยังอยากสักลายนี้อยู่ดี คงเป็นเพราะชื่นชอบมากๆเลยตัดสินใจไปสัก

ส่วนคนนี้เล่าว่า เขาชอบวงดนตรีวงนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ เรียกว่าศรัทธาเลยก็ว่าได้ แล้วก็อีกเหตุผลนึง คือความหมายของชื่อวง แปลว่า ความสันโดษคือความสุขสุดยอด เลยตัดสินใจประทับลงไปบนผิวหนัง

ไววิทย์ คือศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ ที่มีคนรักเขาเยอะมากๆในปัจจุบัน ไม่แปลกเลยที่จะมีคนหยิบยกเอารูปภาพของเขามาสักลงไปบนร่างกาย โดยน้องคนนี้บอกว่า ที่สักภาพๆนี้ เป็นเพราะความชื่นชอบในตัวของ หมู ไววิทย์ มากๆ และรอยสักนี้ เป็นรอยสักแรกที่เธอเลือกสักด้วย เลยอยากจะเลือกเป็นรูปที่เธอชอบจริงๆ จึงเลือกที่จะหยิบยกเป็นรูปภาพนี้ขึ้นมา

ส่วนคนนี้ เขาบอกกับเราแบบนี้ครับว่า ตัวเขานั้นเป็นคนที่ขาดความรักความอบอุ่นมา จากการที่ไม่มีพ่อแม่แล้วถูกเก็บมาเลี้ยง เลยไม่ค่อยจะรู้สึกได้รับ เหมือนเด็กคนอื่น ทั้งความรัก การสั่งสอน หรือแม้แต่คำบ่นคำด่าที่เด็กคนอื่นคิดว่ามันน่าเบื่อน่ารำคาญ แต่เขากลับอยากมีมัน ขอแค่สักครั้งแต่ก็ไม่เคยได้ พอโตขึ้น ก็มีเพื่อนดีเลวปนกันไป ได้ลองอะไรแย่ๆไม่ดีมามากจนคนรอบข้างเสียใจ จะคิดได้ก็สาย เพราะในตอนที่จะกลับตัวผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเขามาก็เสียจากไปก่อน เขาจิตตกมากๆไม่มีความเป็นตัวเองจนกระทั่งคิดว่าอยู่ไปวันๆ ยังไงก็แค่ฆ่าเวลาอยู่ดี ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต ไม่มีจุดหมายเลยเลือกคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ก็ถูกช่วยไว้ทัน จากนั้นเขาเหมือนไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลย ทำไรอะก็ตายด้านไปหมด คนรอบข้างที่สนิทก็ค่อยๆหายไปเพราะความเย็นชาของเขา จนได้มาเจอบทเพลงที่ชื่อว่า เพราะ ของ ดวงดาวเดียวดาย ไม่รู้ว่าด้วยเพราะอะไร แต่ความรู้สึกในตอนนั้นเขาจำมันได้เลยว่า มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น และยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเขาก็ติดตามผลงานของ ดวงดาวเดียวดาย มาตลอด เรื่องความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับหลายๆอย่างจากครอบครัว หรือความรู้สึกผิดหวังจากความรักแม้แต่เรื่องที่สับสนกับตัวเองอยู่ ก็ได้บทเพลงของครอบครัว ดวงดาวเดียวดาย ที่อยู่ข้างๆแล้วทำให้รู้สึกว่าโลกนี้มันจะเน่าแค่ไหนเขาก็ต้องผ่านมันไป แทบจะทุกบทเพลงที่เขาฟังแล้วคิดตามจนร้องไห้ ว่ามีคนที่เขาเจอมาหนักกว่าเรานะ มีคนที่เหงากว่าเรานะ จากนั้นเขาก็คิดบวกมาตลอด ถึงจะมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่เขาคิดว่าจะไม่มีวันคิดสั้นอีกแล้ว และไม่นานเขาก็กลับมาเป็นเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างที่เคยเย็นชาอีกครั้งนึง

ส่วนภาพนี้เป็นประโยคๆหนึ่งในเพลง ทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้กลายเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก็พอ ของพี่ กอลฟ์ ดวงดาวเดียวดาย เจ้าของรอยสักเล่าว่า ส่วนตัวเธอรู้สึกว่า ประโยคๆนี้ ช่วยเป็นแรงผลักดันให้เธอรู้สึกมีแรงสู้ ช่วยฮีลจิตใจให้กลับมารักตัวเองได้ดีมากๆ พอสักเสร็จก็ส่งให้ พี่กอล์ฟ ดูเลย พี่กอล์ฟ เอาไปลงเพจ คนแชร์เยอะมากค่ะ และไม่คิดว่าจะมีคนชอบเยอะขนาดนี้เลย

“สุขเสมอ” เป็นคำที่เอาไว้ให้กำลังใจตัวเองว่า “และฉันจะสุขในทุกวัน”

นี่เป็นรอยสักแรกของเธอคนนี้ ที่เลือกสักชื่อวงๆนี้ เธอบอกว่า ดรบม เป็นแรงบันดาลใจที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเธอเอง สะท้อนถึงจินตนาการ จิตวิญญาณ และ อิสระเสรี และความเป็นตัวเอง ไม่มีขอบเขตของเป็นมิตรภาพ
ส่วนภาพนี้คือ ศิลปินสักรูปตัวเองเลย โดย พราหมณ์ บอกกับเราว่า จริงๆก็ชอบตัวเองนั้นแหละ อย่างน้อย ให้เรารักตัวเราเองก็ยังดี ร่างกายของเราก็ควรจะมีรูปเราเองบ้าง คล้ายๆแกลอรี่ภาพประมาณนั้น
แต่เวลาคนอื่นถามมาว่าสักรูปใคร ผมก็ตอบตลกๆไปว่า สักรูปศิลปินที่ชอบที่สุด คือใคร ก็คือผมเองนั้นแหละครับ

สำหรับคนนี้เป็นแฟนเพลงของวง Srirajah Rockers เนื่องจากการที่เขาชอบในแนวเพลงของวงอยู่แล้ว จะว่าให้ง่ายก็คือคลั่งไคล้นั้นแหละครับ ด้วยจังหวะของดนตรี พอได้เห็นโลโก้วงออกมาใหม่ รู้สึกชอบมากๆ ก็เลยมีความคิดว่าเอาไปสักดีกว่า คงไม่มีใครมาสักเหมือนเราหรอกมั้ง
สุดท้ายกับน้องสาวคนนี้ครับ เนื่องจากผมรู้และเคยเห็นว่าน้องสักข้อความที่เกี่ยวกับ พี่เล็ก Greasy Cafe มานานมากๆแล้วนะเท่าที่จำได้ จึงได้ชวนน้องคุยถึงที่มาที่ไปและจุดเริ่มต้น น้องบอกกับผมว่า ปกติเป็นคนแอนตี้รอยสักมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่เคยสักให้พ่อแล้วพ่อทิ้งแม่ไป เลยกลัวว่าถ้าไปสักมันก็จะเป็นรอยแผลที่เห็นแล้วมีแต่เรื่องแย่ๆ แต่จนวันนึงได้ฟังเพลงของ Greasy Cafe ไม่เคยเห็นหน้าคนร้องมาก่อน ก็ฟังซ้ำๆ จนอยากไปเจอ ไปดูเล่นสดสักครั้ง จำได้ว่าไปดูที่เซ็นทรัลเวิลด์ ยืนร้องไห้คนเดียวเพราะดีใจที่ได้เจอตัวจริงสักที วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูปแล้ว พี่เล็ก ก็ขอบคุณที่มาดู หลังจากนั้นก็มีเพลงของพี่เขาอยู่ในชีวิตมาตลอด จนมาถึงช่วงที่โรคซึมเศร้ากำเริบหนัก คิดสั้นหลายครั้ง พร้อมกับช่วงนั้น พี่เล็ก ออกอัลบั้มใหม่มา เราตามไปดูเล่นสดอีกครั้ง เจอกลองชุดใหม่ เขียนว่า “The Destination is alway far if you never start” จุดหมายปลายทางไกลเสมอ ถ้าคุณไม่เคยเริ่มต้นเลย เป็นประโยคที่กระชากสติกลับมา ทำให้เรารู้สึกว่า เออวะ... ถ้าเรายังนอยด์กับตัวเองซ้ำๆไม่คิดเริ่มทำอะไรใหม่ เราก็ไปไหนไม่ได้สักที ยังมีครอบครัวรอให้เราดูแลอีกหลายคน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปคนอื่นต้องแย่แน่ๆ เลยตัดสินใจไปสัก เพื่อส่องกระจกมองมันซ้ำๆ ให้มันย้ำว่าเราต้องมีชีวิตเพื่อใคร เพื่ออะไร สักเสร็จก็ไปหาพี่เล็ก ไปบอกกับเขาว่า “ขอบคุณที่ทำให้หนูกล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ” พี่เล็กมองแล้วยิ้ม พร้อมบอกมาว่า "ขอบคุณมากนะ เราขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม?" พร้อมอัพลงไอจี หลังจากนั้นก็มีรอยสักที่มีความหมายกับชีวิตเราเกิดขึ้นมาเรื่อยๆเลย
ในรอยสักของแต่ละคนนั้น จะมีความหมายแตกต่างกันออกไป บางคนก็เพื่อบันทึกเรื่องราวความทรงจำ
บางคนก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของกำลังใจ ของความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ เป็นบันทึกเรื่องราวของการเติบโตแต่ละช่วงวัย เป็นการบอกเล่าความเป็นตัวเองบนเรื่อนร่าง ผ่านการถ่ายทอดงานศิลปะที่ไม่อาจลบได้ด้วยยางลบ หากพูดกันให้ลึกลงไปมากกว่านั้น การที่ผมจะพูดว่า รอยสักนั้นมี "ชีวิต" ของพวกเขาซ่อนอยู่ ก็คงจะไม่ผิดอะไร